วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

"แอนดี้"แจงโชว์ลีลาบู๊โดนตุ๋นซื้อBMเถื่อนแค่ป้องกันตัว

"แอนดี้"แจงโชว์ลีลาบู๊โดนตุ๋นซื้อBMเถื่อนแค่ป้องกันตัว


"แอนดี้ เขมพิมุก"



      "แอนดี้ เขมพิมุก" อดีตนักร้องพิธีกรชื่อดังรายการ"ฉันรักเมืองไทย" แถลงชี้แจงถูกนาย"สิราวิชญ์ นกทอง"แจ้งความคดีทำร้ายร่างกายเหตุเกิดบริเวณหน้า สน. คลองตัน เมื่อวันที่ 1 ก.ย. เพราะโดนตุ๋นซื้อรถเถื่อนแต่เมื่อนำรถไปคืน คู่กรณีกลับไม่ยอมจ่ายเงินคืนมา วอนอยากให้คู่กรณีคืนเงินให้แม่แล้วจะจบทุกอย่าง รับเสียใจหนังสือพิมพ์ฉนับนึงลงข่าวว่าตนเป็นคนทำร้ายร่างกายทั้งที่โทรมาถามตนเอง


     ล่าลุดเมื่อวันที่2ก.ย.แอนดี้ได้เปิดแถลงข่าวที่สตูดิโอแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าวซอย 1 โดยแอนดี้ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดว่า ก่อนหน้าประมาณเดือนตุลาคม 2553ตนได้ซื้อซื้อมือ2 BMW320iในราคา1,300,000 บาท โดยที่ตนไม่ทราบตั้งแต่ต้นว่าเป็นรถเถื่อน ซึ่งเจ้าของรถและนายหน้าก็ได้พูดประมาณว่ารถคันนี้ซื้อมานาน แต่ไม่ได้ขับและเขาบอกว่าที่บ้านเขามาฐานะไม่ต้องกลัว เขาพูดถึงตัวเขาดีมาก จนทำให้ผมที่เป็นพิธีกรในวงการบันเทิงเชื่อใจเขาได้ และเขาก็บอกว่าเขาจะทำรถคันนี้ให้สวยและเรียบร้อย ซึ่งผมก็ไม่ได้เอะใจว่ารถคันนี้เป็นป้ายแดงที่มีจริงนโลกนี้หรือเปล่า ซึ่งผมมีการโอนเงินให้เขาทั้งหมด3งวดด้วยกัน งวดแรกเป็นเงิน300000บาท ที่ผมให้เขา300000บาทก่อนเพราะผมต้องการ เอารถไปให้รุ่นพี่ที่รู้จักเช็กรถดูก่อนว่ามันเป็นยังไง รุ่นพี่ก็บอกผมว่ารถโอเค ผมก็เรียกพี่สาวที่เป็นทนายขอเงินแม่ก็เขียนเช็คเป็นเงิน700,000บาท ตอนแรกเขาบอกให้ผมโอนแต่ผมไม่โอนเพราะอยากให้พี่สาวที่เป็นทนายเจอหน้าอย่างน้อยเป็นพยานให้ผมว่าไม่ถูกหลอก หรือมีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้น อย่างน้อยพี่สาวผมจะได้จำได้เพราะเขาเป็นทนาย

     จากนั้นผมก็ให้เช็ค7แสนบาทแล้วผมบอกว่าพ่อกับแม่ผมต้องการสัญญาซื้อขาย เขาบอกว่าคุณเชื่อผมซิอย่างผมไม่ต้อง แล้วเขาก็หยิบหระดาษของเขาขึ้นมาแล้วกรอกทุกอย่างเองแล้วเซ็นต์ให้ ส่วนของผมพี่สาวเป็นคนเขียนแล้วให้ถ่ายเอกสารแล้วก็ให้เขาเซ็นต์

     ผ่านไปเดือนสองเดือนร่วมกันแล้วประมาณ6-7เดือนผมรู้สึกแปลกๆโทรไปแล้วไม่ติด และมีอยู่ช่วงนึงประมาณ4เดือนที่แล้วเขาปิดมือถือก็เป็นช่วงที่ผมเครียดมาก จากนั้นผมตัดสินใจให้รุ่นพี่ที่รู้จักเปิดเตนท์รถมือ2ดู เขาบอกว่ารถคันนี้เถือน เคยเห็นมาเยอะแล้ว ไม่ประกอบเองก็ขนมาจากทางใต้หรือมาเล

     จากนั้นผมก็ตัดสินใจโทรหาเขาทุกวันแล้วคิดว่าต้องเอารถไปคืนเขา เป็นเวลา2เดือนที่ผมขับรถไปนอนเฝ้าหน้าบ้านเขาวันละ2-3ชม.เพื่อต้องการคืนรถ ซึ่งทุกอย่างกำลังใกล้ความจริง จึงพยายามหาตัวผู้ขายเพื่อที่จะเคลียร์ปัญหาให้จอ ต่อมาตนสามารถติดต่อจนเจอตัวผู้ขายและได้คืนรถเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเงินทั้งหทดก็ยังไม่ได้คืนจากนั้นก็ติดต่อคู่กรณีมาเรื่อยๆ ตนต้องการเงินจำนวนนั้นคืน แต่คู่กรณีกลับไม่รับสายและเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์หนี จนกระทั่งตนไปดักเจอแต่ไม่ยอมคุยด้วย ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อ 1 ก.ย. ตนจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่ขับรถเก่งเพื่อตามดูว่าเขาจะไปไหน จนถึงสี่แยกคลองตัน ตนขอให้เพื่อนที่ขับตามบอกอย่าให้เขาไปไหน เดี๋ยวตนจะลงไปคุยกับเขา ตนจึงไปเคาะรถ เขาก็ตกใจประมาณว่าเรามาเจอกันได้อย่างไร จึงได้ถามว่าทำไมต้องหนี แต่กลับกลายเป็นว่าเขาวิ่งไปบอกตำรวจเองว่าผมกับเพื่อนจะจับเขาไปทำร้ายร้ายร่างกาย ผมไม่เคยเจอคนโกหกขนาดนี้มาก่อนเลย

     จากนั้นเขาก็ยังพูดโทรศัพท์อยู่ว่ารีบมาผมกำลังจะโดนทำร้าย ผมก็เลยตัดสินใช้มือดึงโทรศัพท์เขาออกมา แต่ด้วยความที่ฟึดฟัดใส่กัน ผมก็เลยบอกว่าคุยทำไมตำรวจอยู่นี่เลิกได้แล้ว รู้ว่าคุณใหญ่โอเคป่ะ เขาหันตัวเอาซอกดันมาให้ผมออกจากตัว ผมก็เลยเอาซอกรัดในคอไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายไม่ได้ต่อยไม่ได้เตะอะไรแม้แต่นิดเดียว เสร็จปุ๊บผมก็ผลักเขาลงไปกับพื้นแล้วบอกว่าหยุดโทรได้แล้ว ถ้าจะไปหาตำรวจไปหาด้วยกัน เสร็จปุ๊บรองผู้กับกำกับเพื่อนผมก็มา แล้วผมก็บอกว่าผมไม่ได้ทำอะไร รองผู้กำกับก็บอกว่าคุณใจเย็นคุณเป็นดาราคุณต้องใจเย็นกว่านี้ ซึ่งวันนั้นผมก็ดีใจที่เขาขับรถเขาสถานีตำรวจด้วยตัวเอง ผมก็เลยแจ้งความเกี่ยวกับรถ แต่เขาแจ้งความผมพยายามทำร้ายร่างกายซึ่งมันคนละประเด็น

     ตอนนี้ผมต้องการแค่1,300,000บาทคืนผมมาเถอะ เพราะผมคืนของพี่ไปแล้วไม่งั้นแม่ผมนอนไม่หลับ ผมต้องการให้ยุติแค่นี้มันไม่ดี ถ้าซื่อสัตว์จริงๆออกมาคืนเงินผม แล้วผมจะจบจริงๆ ถามว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุดไหมตอนนี้ผมไม่รู้จริงๆว่าตัวพี่เขาจะ...แต่พี่สาวเขาตะโกนขึ้นมาว่า"มึงตายไม่ดีแน่" ผมก็เลยบอกกับเขาว่าถ้าจะทำส่งจดหมายมาบอกหน่อยก็ดี เพราะว่าอย่างน้อยผมก็บอกรักแม่ทุกวัน กับเงินแค่นี้แล้วน้องชายคุณที่ทำไม่ถูกต้องแต่คุณอยู่ข้างเขา

     แต่ผมเสียใจกับหนังสือพิมพ์ที่ลงกับผมแบบนั้นแล้วผมก็แค่ถามว่าโทรมาคุยกับผมทำไมเป็น15-20นาที แต่ทำแบบนี้ผมเสียใจ เขาเอาคำพูดที่คู่กรณีพูดมาลงหมดผมก็ถามว่าได้ข่าวมาจากไหนเขาบอกว่าได้ข่าวมาจากตำรวจที่เป็นนักข่าวอยู่สน.แล้วผมโทรกลับไปทางเจ้าหน้าที่
ที่รับแจ้งความผมกับคู่กรณีเขาบอกว่าที่นี่ไม่มีนักข่าว ผมก็งงว่าข่าวมาจากไหนแต่ผมคิดว่าถ้าไม่ใช่ที่นี้ก็คงเป็นทางคู่กรณีเพราะเขารู้จักคนเยอะก็เขาพร้อมที่จะฆ่าผมทั้งตัวผมเองและชื่อเสียง แต่ผมเสียใจกับการที่ทุกคนรู้ว่าผมไม่เคยทำเรื่องไม่ดี เฟรนลี่กับทุกคนผมไม่เคยโกหกเลย แต่กลับกลายทำให้ผมเสียใจ แต่ผมยังดีใจรายการเรื่องเล่าเช้านี้และพี่ๆในเว็ปไซด์ทุกๆคนที่ให้กำลังใจผม ความปลอดภัยผมตอนนี้ก็ไม่รู้ครับแล้วก็ไม่ได้ป้องกันตัวเอง ถ้าเขาจะทำอะไรผมเชิญเลยครับ แต่ขออย่างเดียวอย่าทำอะไรพ่อแม่ผม อย่ายุ่งเพื่อนผมน้องผม แต่ขออย่างเดียวคืนเงินผม


















ผู้สื่อข่าว วรินทร พรวีรภัส
บันทึกภาพ วรินทร พรวีรภัส
รายงาน เสาวลักษณ์ บัวทอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น