วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กระฉ่อนเน็ต!"เมธี"กับสาว16



















ขอบคุณภาพจากเว็บบอร์ดสนุก
รายงานโดย : ปฏิพร วาปีทะ

หาม “สเตฟาน” ส่งโรงพยาบาล หลังวูบกลางกองถ่าย “อิเหนา”




      “สเตฟาน” ป่วยต่อมทอนซิลอักเสบจนวูบคากอง “อิเหนา” ปัด โหมงานหนักจนป่วย แต่เป็นเพราะเป็นไข้แล้วไม่พักผ่อนมากกว่า เผย อาการดีขึ้นแล้วเตรียมกลับบ้าน แต่ยังต้องเฝ้าระวังเพราะตรวจพบเชื้อแบคทีเรียในร่างกายอีกตัว บอก หมอสั่งให้พักแต่ติดที่รับงานโชว์ตัวไว้แล้ว

      ทำงานถ่ายละครเรื่อง “สุดหัวใจ เจ้าชายเทวดา” ละครที่ใช้เค้าโครงมาจากวรรณกรรมเรื่อง “อิเหนา” ที่ผลิตโดยค่าย “กันตนา” ออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ทีวี อยู่ดีๆ เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ (18 ก.พ.54) พระเอกหนุ่มลูกครึ่งแห่งวิกหมอชิต “สเตฟาน รสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์” ก็โดนหามส่งโรงพยาบาล วชิรพยาบาล เนื่องจากเกิดวูบกลางกองถ่ายละครเรื่องดังกล่าว โดยเจ้าตัวอยู่ในสภาพอิดโรย ซึ่งหลังจากให้น้ำเกลือเสร็จก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงอาการป่วยว่า เกิดจากเมื่อ 3 วันก่อน ตนป่วยเป็นไข้แล้วฝืนตัวเองไปถ่ายละครไม่ยอมพักผ่อน เป็นเหตุให้ร่างกายรับไม่ไหวจนวูบไม่รู้ตัว

      “เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาผมไม่สบาย เป็นไข้ และเมื่อวานก็ต้องหยุดกอง ผมพักทั้งวันเลย หลังจากนั้นผมก็ปวดหัวมาก ไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอก็มาฉีดยาให้ แล้วก็ตรวจร่างกายให้พบว่าต่อมทอนซิลบวมมาก ไข้ขึ้นสูง 38-39 องศา แล้วก็ตัวร้อนมาก เหงื่อออกปวดหัว หมอให้ยามากินแล้วก็ให้กลับบ้าน จริงๆ หมอก็สั่งให้หยุดทำงานสองวัน แต่ว่าสถานที่ที่ถ่ายทำวันนี้ถ่ายได้เป็นวันสุดท้าย เขาก็เลยเรียกให้มาถ่าย ผมก็เลยมาถ่าย”

      “แล้วก็ถ่ายได้แค่ซีนเดียว ซึ่งตอนถ่ายเป็นตอนเที่ยงมันร้อนมาก ชุดก็เยอะและอึดอัด และมันอับมาก มันเริ่มเหงื่อออกเยอะแขนขาชาหมด ผมก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วก็เลยออกมานั่งตากแอร์ แต่พอเดินออกมาตากแอร์ผมก็หน้ามืดเลย แต่ผมไม่ได้ล้ม แค่วูบลงไป ผมก็เลยไปนอนบนพื้น พอนอนบนพื้นเสร็จมันก็เบลอๆ เขาก็เลยมาพามาโรงพยาบาล แต่ตอนนี้หมอให้น้ำเกลืออาการก็ดีขึ้นมากแล้วครับ แต่ยังรู้สึกจุกๆ หน้าอกอยู่ และก็ยังรู้สึกปวดหัวอยู่”

      คาด สาเหตุสืบเนื่องมาจากเพราะเป็นไข้อยู่แต่ยังมาทำงาน ไม่เกี่ยวทำงานไม่พักผ่อน พร้อมเผย หมออยากให้พักตนก็อยากพักแต่พรุ่งนี้(19 ก.พ.54) รับงานโชว์ตัวไว้แล้ว

      “คือสาเหตุไม่ได้มาจากว่าทำงานหนัก แล้วไม่ยอมพักผ่อนหรอกครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะว่าเป็นหวัด เป็นไข้แล้วยังไปทำงานอีกมากกว่า เป็นไข้มาตลอดก็ต้องมาถ่าย จนวันนี้มันไม่ไหวจริงๆ วันนี้ก็คงต้องกลับไปนอนที่บ้านครับ ไม่นอนโรงพยาบาล เพราะว่าผมกลัวผี พูดจริงๆ ผมไม่ค่อยชอบนอนโรงพยาบาล ผมนอนไม่ค่อยหลับ ถ้าไม่ให้ยานอนหลับคือจะนอนไม่ค่อยหลับ”

      “ถ้าถามว่าต้องพักงานยาวเลยหรือเปล่า อันนี้จริงๆ พรุ่งนี้ผมก็ต้องทำงาน พรุ่งนี้มีงานโชว์ตัวครับ ไม่รู้ว่าจะไหวหรือเปล่ายังไม่รู้รายละเอียดงานด้วยครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะขอยกเลิกงาน เพราะว่าถ้าที่นั่นมันเย็นก็โอเค. แต่จริงๆ คุณหมอให้พัก ผมอยากจะพักเหมือนกัน เพราะว่าเอาเลือดไปตรวจมันมีเชื้อแบคทีเรียอยู่”


ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
รายงานโดย : ปฏิพร วาปีทะ

บ้านเมืองวุ่นวาย!"ชาคริต"โอดชวดงานหนังต่างชาติถึง 3 เรื่อง




ชาคริต แย้มนาม



     จากสถานการณ์บ้านเมืองไม่สงบส่งผลให้งานหนังต่างประเทศที่เตรียมจะเข้ามาถ่ายทำให้เมืองไทยต้องหยุดชะงัก ทำเอาพระเอกไม้เลื้อย “ชาคริต แย้มนาม” ถึงกับเซ็งเพราะกำลังมีงานหนังกับต่างชาติถึง 3 เรื่อง แต่ตอนนี้ขอมุทำงานในไทยก่อนเพราะคิวงานก็ยาวแน่น 7 วันรวดอยู่แล้ว

คิวงานยังแน่น 7 วันอยู่ไหม
      “เหมือนเดิมครับ มีละคร 2 เรื่อง ตลาดอารมณ์และคู่แค้นแสนรัก แล้วก็มีซิทคอมเป็นต่อ,ครัวแล้วแต่คริต”

ผลงานกับต่างประเทศเป็นยังไงบ้าง
      “ยิงกันอีกแล้วครับ เราก็นิ่งๆไว้ไม่รู้เหมือนกัน มีคุยไว้เหมือนกันแต่ไม่คิดอะไรมาก อย่าไปหวังเลย เขาไม่มาถ่ายเพราะบ้านเราไม่สงบไม่รู้จะทำยังไง ถามซีเรียสไหม ก็ไม่ได้ซีเรียส เราก็ยังมีงานอยู่ แต่พอเราได้คุย อ่านบทไปแล้วเตรียมตัวแล้ว (ยกเลิก?) ยังครับ เขาก็คงนิ่งๆ ดูเชิงอยู่เพราะตอนนี้มันก็ไม่ได้หนัก ตอนนี้ก็โฟกัสกับงานทางนี้ก่อน เดี๋ยวจะออนแอร์แล้ว”

จะมาถ่ายทำเมื่อไหร่
      “ก็มีคุยว่าช่วงไหนถึงไหน อย่างเรื่องนึงก็ดีเลย์มาตั้งแต่ พฤษภาคมปีที่แล้ว จนนักแสดงไปเรื่องอื่นกันหมดแล้ว ก็คงต้องรอจังหวะครับ”

ถ้าเขามาถ่ายแล้วเราเคลียร์คิวไม่ได้?
      “ไม่ได้ก็คือไม่ได้ สุดวิสัยจริงๆ มันก็งานเหมือนกัน นั่นแค่อาจจะเป็นงานนอกที่เราได้ไปสัมผัสอีกรูปแบบนึง แต่จริงๆแล้วศิลปะการถ่ายทำก็เหมือนกันหมด มันเป็นเรื่องของวินัย คนทำงานมากกว่าหรือวิจารณญาณของผู้ร่วมงาน ความเป็นมืออาชีพ”

ที่หยุดไว้กี่เรื่อง
      “ที่จะเข้ามาบ้านเราผมไม่ทราบ แต่ของผมประมาณ 3 เรื่อง แต่ไม่ซีเรียส”

ทำงานเยอะอย่างนี้วาเลนไทน์ที่ผ่านมาไปไหน
      “ถ่ายเป็นต่อครับ เสร็จตอนตี 2 คงอยากกลับบ้าน ก็ไม่มีอะไร ไม่ได้คิดว่าจะไปไหน”

มีอารมณ์ที่คิดถึงเรื่องความรักไหม
      “ก็มีเหงา แอบคิดบ้าง ก็ถ้ามีแล้วไม่ยั่งยืน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เราก็ไม่ใช่คนขวนขวายหาความรักอยู่แล้ว ถ้าไม่เดินเข้ามาเราก็ไม่เดินเข้าไป”

ณ วันนี้มีเดินเข้ามาให้มองบ้างหรือยัง
      “ก็มีแต่บรรดาคอสตูมนี่แหละ”

โสดมานานแค่ไหนแล้ว
      “เกือบปีแล้ว อีก 2 เดือนก็ปีแล้ว”



















ผู้สื่อข่าว :วรินทร พรวีรภัส
บันทึกภาพ :สมศักดิ์ หินแก้ว
รายงาน:ปฏิพร วาปีทะ

"โย"โล่ง!"โอเด็ต"ยอมใช้หนี้ค่าโทรศัพท์ แต่ขอทยอยจ่าย




โย ยศวดี



     ต้องเล่นไม้นี้ออกสื่อแฉถึงจะร้อนตัวออกมารับผิดชอบ! วิธีนี้ได้ผล ซึ่งนางแบบสาว “โย ยศวดี หัสดีวิจิตร” บอกเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถติดต่อ “โอเด็ต” ได้ หลังทิ้งหนี้ค่าโทรศัพท์ให้รับผิดชอบถึง 5 หมื่นบาท แล้วก็ล่องหนไปใช้ชีวิตที่มาเลเซีย ทั้งนี้สาวโยเผยว่าคู่กรณีติดต่อกลับมายอมชดใช้หนี้แต่ขอทยอยจ่าย เพราะช่วงนี้กำลังลำบาก บอกตนไม่โกรธแต่ขอให้มีความรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำบ้าง

      “ทำไมโยถึงต้องออกมาพูดเพราะว่าถ้าไม่ออกมาพูดคงไม่ได้ติดต่อเขา สุดท้ายเป็นข่าวเขาก็เลยติดต่อกลับมา โอเคสรุปยินยอมให้เงินชดใช้แต่ขอเวลานิดนึงเพราะตัวเขาค่อนข้างอยู่ในช่วง ภาวะลำบาก เราก็เข้าใจ ก็ไปคุยกับทางบริษัทโทรศัพท์จนลดหย่อนมาเหลือเกือบๆ 4 หมื่น ก็เลยบอกว่าเอามาก่อนสักครึ่งนึง คือเมื่อวานนี้เพิ่งได้รับการโอนเงินจากเขาทางมาเลยเซีย เขาโดนมา 1 หมื่นบาท”

      “ต้องอธิบายนะค่ะจะได้เข้าใจเนื้อข่าว คือชื่อแมสเซ็นเจอร์เป็นชื่อของโย เมื่อ 2 ปีที่แล้วที่ให้เขาไปซื้อโทรศัพท์ให้ก็คิดว่าเปลี่ยนชื่อกันไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดไม่ได้เปลี่ยนและโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป 6 เดือน ค่าใช้จ่ายจริงๆแค่ 5 หมื่นบาทไม่ใช่ 5 แสนนะค่ะ แล้วเขาก็หายไปเลยติดต่อไม่ได้ ที่เราต้องเดือดร้อนเพราะว่าเขาไม่รับผิดชอบ โยต้องเป็นคนรับผิดชอบ ไม่มีทางที่แมนเซ็นเจอร์ของเราจะหาเงิน 5 หมื่นมาใช้ตรงนี้ได้ แล้วเราก็เป็นขอให้เขาช่วยด้วย ในเมื่อมีหมายศาลมา มันก็เดือดร้อนเขา เขาติดแบล็กลิสต์อยู่”

      “โอเด็ตบอกว่าขอเวลาอีก 2 อาทิตย์จะให้อีกหมื่นนึง โยคิดว่าถ้าภายใน 2 อาทิตย์แล้วยังไมได้ก็จะออกไปก่อน แล้วจะรอดูว่าเป็นยังไงเพราะตอนนี้มีหมายศาลรอไม่ได้แล้ว เราไม่ได้ทะเลาะหรือว่าเกลียดกัน แต่อยากให้มีความรับผิดชอบมากกว่านี้เพราะว่าโตแล้ว”

      “จริงๆเรื่องนี้เราต้องโทษแมสเซ็นเจอร์เราว่าทำไมไม่มาบอกว่าชื่อยังไม่ได้ เปลี่ยน เพราะจริงๆ 2 ปีมาแล้ว คิดว่าจัดการกันไปเรียบร้อย จนเบอร์นั้นโดนตัดมา 6 เดือนกว่า”

ได้คุยกับโอเด็ตหรือยัง
      “ได้คุยแล้วนะค่ะ แต่ไม่ได้คุยโทรศัพท์ ก็คุยผ่านเพื่อนเขา และคุยบีบี ก็บอกเขาว่าไม่ได้โกรธ เขาก็คิดว่าเรื่องแค่นี้ทำไมต้องโกรธมากขนาดนี้ คือเรื่องแค่นี้สำหรับเขามันอาจเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับคนธรรมดาคนนึง ตัวโยเองอยากให้ตัวเขามีความรับผิดชอบ ในเมื่อเรากล้าใช้เราก็ต้องกล้าจ่าย แต่เขาก็ขอโทษที่สร้างความเดือดร้อนให้เราและแมสเซ็นเจอร์ด้วย”

ข่าวที่ว่าเขาท้องจริงไหม
      “โยว่าไม่น่าจะใช่นะเพราะว่าถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้นเขาก็ควรจะบอกเราว่าเขา อยู่ในสภาวะลำบากแบบนั้นเราก็คงหาทางช่วย แต่เขาไม่ได้พูดอะไร”

จะมองหน้ากันติดไหม
      “จะได้เจอกันไหมล่ะเนี่ย เอาไว้ให้เจอกันก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า สำหรับตัวโยคือไม่มีอะไรเลย นอกจากเคลียร์หนี้ให้เสร็จ ทุกอย่างก็จบ”






โย-โอเด็ต ครั้งนึงเคยร่วมงานกัน












ผู้สื่อข่าว :สมศักดิ์ หินแก้ว
บันทึกภาพ :สมศักดิ์ หินแก้ว
รายงาน:ปฏิพร วาปีทะ

อย่าได้แคร์!หมอดูทักเลิก "ต้าร์"ถี่"พลอย"ตอกกลับศาสนาพุทธไม่สอนให้งมงาย


นางเอกสุดมั่น"พลอย เฌอมาลย์"ไม่สนถูกหมอดูทักมีเกณฑ์เลิก"นาวินต้า"แฟนหนุ่มชี้ศาสนาพุทธไม่สอนให้งมงาย บอกเชื่อตัวเองมากกว่า


พลอย เฌอมาลย์


     นางเอกสุดฮอต “พลอย เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์” บ่ยั่นกระแสข่าวหมอดูออกมาทักถี่ยิบว่ามีเกณฑ์เลิก “ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล” แต่เจ้าตัวกลับไม่แคร์บอกศาสนาพุทธไม่ได้มีการสั่งสอนให้เชื่อหมอดูหรืองม งาย เชื่อว่าตัวเองกำหนดชีวิตเองมากกว่า พร้อมเผยถึงของขวัญวาเลนไทน์ที่ผ่านมาว่าหวานใจหนุ่มเซอร์ไพรส์ด้วยการซื้อ โคมไฟระย้าแชนเดเลียร์ ให้เป็นของขวัญ

วาเลนไทน์ที่ผ่านมาพี่ต้าร์ให้อะไรเป็นของขวัญ
      "ก็ซื้อแชนเดเลียร์ ให้เป็นของขวัญวาเลนไทน์ เซอร์ไพรส์ เพราะพลอยอยากได้อยู่แล้ว เพิ่งย้ายบ้าน เป็นอย่างเดียวที่พลอยขาดในห้องแต่งตัว พลอยไปหาหลายที่แต่ยังไม่ถูกใจสักที ก็ไม่ได้คิดว่าพี่ต้าร์จะซื้อให้ เพราะตกลงกันแล้วว่าของขวัญวันวาเลนไทน์จะออกเงินกันคนละครึ่ง ก็รู้สึกดีใจหน้าบาน"

มีหมอดูทักว่าพลอยกับต้าร์จะเลิกกัน
      "พระพุทธเจ้ามีองค์เดียว ศาสนาพุทธไม่ได้มีการสั่งสอนให้เชื่อหมอดู หรือการเล่นของ หรืออะไรที่มันงมงาย และพลอยเชื่อว่าเดี๋ยวนี้ก็มีหลายสำนักดูดวงเป็น วันไหนฤกษ์ยามงามดี ที่จะย้ายเข้าบ้าน หรือวันไหนฤกษ์ดีที่จะเปิดกิจการตรงนี้พลอยเชื่อ แต่ถ้าเรื่องความรักพลอยไม่เชื่อ พลอยเชื่อในเรื่องการกำหนดชีวิตของตัวเองมากกว่า เดี๋ยวนี้มันก็มีหลากหลายค่ะ ทำเป็นอาชีพ แต่อย่างที่บอกพระพุทธเจ้ามีองค์เดียว ท่านไม่เคยสอนให้เชื่อดวงชะตา ไม่มีนะคะ"

ความรู้สึกยังไงที่โดนกระแสแบบนี้บ่อยๆ
     "ก็เป็นของสาธารณะค่ะ ใครจะทำอะไรก็ได้"

ผู้สื่อข่าวถามถึงถ่ายแฟชั่นคู่กับต้าร์เล่มนึงแล้วคิดจะถ่ายไปเรื่อยๆ หรือเปล่า
     "ไม่ค่ะ ก็ไม่รับแล้วค่ะ คบกันมาปีกว่า 1 ปีกับอีก 2 เดือนก็เพิ่งถ่ายแฟชั่นเล่มอินเป็นเล่มเดียว และก็พรีเซ็นเตอร์ยาสระผมเคลียร์ ที่เหลือก็ไม่ได้ทำอะไรแล้ว เรื่องออกงานคู่ก็ไม่เอาแล้ว พอดีกว่าค่ะ เพราะว่าอยู่วงการบันเทิงมันทำตัวลำบาก เป็นคู่รักถ้าออกงานบ่อยๆ คนก็จะหมั่นไส้หาว่าสร้างกระแส เกาะกันดังต่างๆ นานา พลอยคิดว่าความสุขที่แท้จริงนั้น เราไม่ได้ต้องการเงิน เราต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่า ตัวพลอยเองก็เหนื่อยกับคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ขอให้เป็นแบบสบายๆ เป็นธรรมชาติ เป็นส่วนตัว ถ้าเป็นงานใหญ่ๆจริงๆแล้วเดี๋ยวค่อยว่ากันดีกว่า ที่ผ่านมาปฏิเสธหมดทุกงานค่ะ"






















ผู้สื่อข่าว :วรินทร พรวีรภัส
บันทึกภาพ :วรินทร พรวีรภัส
รายงาน:ปฏิพร วาปีทะ

"เมย์"โต้ลงไม้ลงมือ"หนุ่ม"เหตุหลีขอพินบีบีสาว


เมย์ เฟื่องอารมย์



     เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 กพ. ที่อาคารสปอร์ตซิตี้ ประชาชื่น ได้มีการจัดงาน “พีพี คลินิก แกรนโอเพนนิ้ง ปาร์ตี้” ของนักแสดงสาว "โอ๋ ภัคจีรา วรรณสุทธิ์" ซึ่งในงานมีเหล่าดารามาร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่งและหนึ่งในนั้นมีดาราสาว "เมย์ เฟื่องอารมย์" มาร่วมด้วย

     หลังจากที่เมย์ได้เข้ามาแสดงความยินดีกับ "โอ๋ ภัคจีรา" แล้ว นักแสดงสาวก็ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวที่มีออกมาว่าจับได้ว่าแฟนหนุ่ม "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" กำลังขอพินบีบีสาวชื่อ "ตาล" อยู่ในสลิมอัพ และถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน ซึ่ง "เมย์" ได้กล่าวปฏิเสธว่า ไม่เคยจับได้เลย อยากรู้ว่าคนไหนเหมือนกัน เพราะพี่หนุ่มข่าวเยอะ ยิ่งในสลิมอัพตนไม่รู้ พี่หนุ่มรู้จักพนักงานที่นั่น เพราะเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่รายละเอียดที่ถึงขนาดว่าตามราวีไม่มี

      ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเคยมีลงมือกันบ้างไหม เมย์เผยว่า “ยังเลย ช่วงนี้เงียบมากค่ะ ไม่มีเลย อ่านแต่ข่าวว่ามีน้องคนนั้นคนนี้ ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ถามว่าดีกรีความเจ้าชู้เขาลดลงไหม อันนี้ก็ไม่ทราบ ต้องคอยดูกันต่อไป แต่ช่วงนี้พี่หนุ่มเขามีเครียดๆ คิดว่าเรื่องผู้หญิงไม่น่าจะมีอะไร เพราะเขาเครียดเรื่องงานและธุรกิจด้วย”

     ต่อข้อถามช่วงนี้ชีวิต หนุ่ม ยุ่งเรื่องธุรกิจ เรื่องแต่งจะต้องเลื่อนไปอีกหรือเปล่า ‘เมย์’ตอบว่า ขึ้นอยู่กับความพร้อม ไม่ได้ซีเรียสอะไร ปีนี้ตนงานยุ่งมาตั้งแต่ต้นปี ค่อนข้างโฟกัสกับเรื่องงาน อยากให้พี่หนุ่มมุ่งมั่นกับเรื่องธุรกิจ และอะไรอีกหลายๆ อย่าง ถ้ามีข่าวดีเมื่อไรจะบอกแน่นอน ส่วนจะแต่งปีนี้หรือเปล่า ไม่กล้าฟันธง คอยติดตามแล้วกัน

      ผู้สื่อข่าวถามถึง อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ในฐานะที่เป็นเพื่นอสนิทกัน ได้มาปรึกษาเรื่องความรักบ้างหรือเปล่า เมย์ กล่าวว่า ยอมรับว่ามีคุย คู่นั้นหนักหน่วงกว่าตนเยอะ ปีนี้อั้มชง บ่นตั้งแต่ต้นปี ขนาดชงผิวๆ ยังเครียดมาก

      ในฐานะผู้มีประสบการณ์มีแนะนำอะไรบ้าง เมย์เผยว่า “เขาชอบมาถามเยอะ แล้วพูดแบบนี้เหมือนกัน โทร.มาบอกว่าจากผู้มีประสบการณ์ช่วยคิดหน่อยซิฉันควรจะทำยังไง โอ้โฮ...ตอบไม่ถูก ผู้มีประสบการณ์ยังเอาตัวไม่ค่อยรอดอย่าถามเลย อั้มเก่งอยู่แล้ว ถามใจตัวเองดีกว่า”













ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
รายงานโดย : ปฏิพร วาปีทะ

"วิลลี่"ควักเงินล้านปั๊ม"เยลหลี"ป่องแล้ว 3 เดือน



วิลลี่ แมคอินทอช


     ออกอาการดีใจแบบสุดๆเมื่อภรรยาคนสวย “เยลหลี เจอราดีน” ตั้งท้องได้ 3 เดือนแล้ว หลังควักเงินล้านทำกิ๊ฟท์กว่า 21 ครั้ง สุดท้ายก็สมใจ ทั้งนี้พระเอกหนุ่ม “วิลลี่ แมคอินทอช” เผยพยายามประคบประหงมภรรยาแบบสุดๆ ห้ามสารพัดจะห้าม ทำตามที่คุณหมอสั่งทุกอย่าง เพราะหวั่นจะผิดหวังเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา ล่าสุดเจ้าตัวเปิดใจด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มให้ฟังว่า

      “น้ำยาออกฤทธิ์แล้ว ดีใจกับตัวเองมากๆ ที่ภรรยาตั้งท้องได้ 3 เดือน ตอนแรกตั้งใจจะยังไม่บอกใคร แต่คุณหมอให้คำยืนยันว่า สุขภาพของน้องแข็งแรงดี สามารถบอกสื่อได้แล้ว สำหรับการตั้งครรภ์ครั้งนี้ ก็ให้คุณหมอเป็นคนช่วยชงน้ำยา ส่วนตนเป็นคนซื้อขนมจีน วิธีการในครั้งนี้เรียกว่า ไอวีเอฟ ซึ่งเป็นการผสมเชื้อกันข้างนอกแล้วไปฉีดในตัวเยลหลีอีกทีหนึ่ง”

      “ครั้งที่ที่รูว่าจะเป็นพ่อแล้ว ซึ้งมาก ตอนนี้ก็เปลี่ยนชื่อจาก วิลลี่ มาเป็นประคอง เพราะต้องพยายามดูแลกันและกัน เพราะต่างคนต่างก็อายุเยอะกันแล้ว คุณหมอห้ามเยลหลีช็อปปิ้ง ห้ามใส่ส้นสูง และห้ามขับรถ ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 21 ในความพยายามที่จะมีลูก กดดันมากๆ เพราะมันก็เหลือเวลาน้อยลงทุกที”

ทำมา 21 ครั้ง ใช้เงินเยอะไหม
      “เกิน 5 ล้านครับ แต่ไม่ถึง 10 ล้าน เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ในกลุ่มซื้อรถปอร์เช่กันได้ แต่ผมไม่ได้ เพราะเอาเงินมาลงทุนในเรื่องลูกหมด ส่วนตัวก็เสียดายอยู่เหมือนกันเพราะยิงพลาดเป้าบ่อย แต่ครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าที่ได้ลูกคนนี้มา ส่วนตัวผมไม่กล้าขอว่าอยากได้เพศไหน เพศอะไรก็ได้ แต่ขอให้เขาออกมาก่อนละกันในเวลานี้เพราะอยากเห็นหน้าลูก”

มีการปรึกษาใครบ้างไหม
      “ก่อนหน้านี้คุณดาว-พอฤทัย ณรงค์เดช และคุณณพ ณรงค์เดช แนะนำคุณหมอให้ ส่วนอ้อม-พิยดา อัครเศรณี แนะนำสูตรยาจีน เรียกว่าใช้ศาสตร์ทั้งแผนปัจจุบันและโบราณ”

เยลหลีมีอาการแพ้ท้องไหม
      “มีแน่นอนอยู่แล้ว อันดับแรกเลยคือเหม็นทุกอย่าง แต่โชคดีที่ยังไม่ได้เหม็นสามี และนอกจากนี้จะไม่ทานของหวานเลย จะทานแต่ของคาว ตอนนี้ต้องเตรียมตัวในการเป็นคุณพ่ออย่างจริงจังแล้ว ต้องตั้งใจทำงานเยอะๆ เก็บเงิน เพราะไม่ได้แค่ดูแลกันแค่สองคน แต่จะกำลังมีคนที่ 3 เข้ามาในครอบครัว”


ดูอื่นๆจากวีดิทัศน์แนะนำความคิดเห็นแบ่งปันส่งรายการโปรดTwitterFacebook













ผู้สื่อข่าว :วรินทร พรวีรภัส
บันทึกภาพ :วรินทร พรวีรภัส
รายงาน:ปฏิพร วาปีทะ

"เป้ย"เผยปมเลิก"เต็ม"ต้นเหตุจากปากกาของสื่อฯ


 




"เป้ย ปานวาด"เผยถึงสาเหตุรักล่มว่ามาจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่เขียนพาดพิงถึง แฟนหนุ่ม "เต็ม วุฒิสิทธิ์"ว่าไร้อนาคต เกาะผู้หญิงดัง ทำให้ฝ่ายชายเกินรับไหวและขอลดสถานะลงเหลือแค่เพื่อน ลังเลฟ้องขอปรึกษากันก่อน พร้อมปฏิเสธข่าวเตรียมรีเทิร์น"อาร์" คอนเฟิร์มแค่เพื่อนเท่านั้น


เป้ย ปานวาด



     นางร้ายเซ็กซี่ “เป้ย ปานวาด เหมมณี” เปิดใจให้สัมภาษณ์ในงาน “สหฯ the party let me our ซุปตาร์” ที่โรงแรมดุสิต ถึงปมเลิกแฟนหนุ่ม “เต็ม วุฒิสิทธิ์ สืบสุวรรณ” ว่ามาจาก หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่เขียนพาดพิงฝ่ายชายว่าเกาะตนดัง ไม่มีอนาคต จนทำให้อดีตนักร้องหนุ่มเสียใจ รับไม่ได้ถึงขั้นเดินเข้ามาขอลดสถานะลงเหลือแค่คำว่าเพื่อนเพื่อไม่ให้เป็น ที่ครหาอย่างที่ตกเป็นข่าว ส่วนจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับสื่อฉบับดังกล่าวหรือไม่นั้น สาวเป้ยโบ้ยให้ไปถามฝ่ายชายเอาเอง

      “ส่วนหนึ่งก็มาจากข่าว คือเนื้อข่าวค่อนข้างรุนแรงใครเห็นข่าวก็ต้องเสียใจ เนื้อข่าวประมาณว่าพี่เต็มไม่มีอนาคต โดยไม่ผ่านการสัมภาษณ์เป้ยหรือพี่เต็มเลย แล้วนักข่าวก็เขียนโดยความคิดเห็นส่วนตัวแล้วได้จรดปากกาลงในหนังสือ”

ใครเป็นฝ่ายบอกเลิกใครกันก่อนนั้น
      “พี่เต็มเห็นข่าวแล้วโทร. มา ต้องบอกก่อนว่าพี่เต็มีนิสัยที่ค่อนข้างจะคิดมาก ตลอด 8 เดือนที่ผ่านมาเราก็เจอข่าวมาเยอะมาก พี่เต็มก็พยายามปล่อยวางแลหนักแน่นในข่าวต่างๆ แต่ครั้งนี้ข่าวมันแรงจนเกินจะรับไหว เป้ยยอมรับว่าข่าวมันแรงมา เนื้อข่าวเกิดจากอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ได้ผ่านการสัมภาษณ์เป้ยหรือพี่เต็มเลย และเนื้อข่าวก็เหมือนว่าผู้ใหญ่มาเตือนเป้ย แต่เป้ยขอบอกเลยนะค่ะ ว่าไม่มีใครมาเตือนเป้ยด้วย ในคนแฮปปี้ในเมื่อเป้ยกับพี่เต็มจะคบกัน

     ในเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป้ยก็อยากรับผิดชอบความรู้สึกของ คนรักเป้ย ตอนนี้เขาทำงานหนักมากเป้ยไม่อยากให้ข่าวมาบั่นทอนจิตใจจนเขาทำงานไม่ได้ ยอมรับว่าเขาเสียใจมาก ที่ผ่านมา 8 เดือนที่คบกันมาพี่เต็มหนักแน่น แต่ข่าวนี้บั่นทอนจิตใจเกินไป เป้ยต้องบอกว่าการที่เขียนข่าวว่าใครคนนึงไม่มีอนาคตเนี่ยมันเป็นเรื่องที่ ไม่ควรกระทำ คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะไปว่าใครไม่มีอนาคต ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน ความน่าเชื่อถืออยู่ตรงไหน”

สาเหตุหลักของการเลิกราคือมาจากหนังสือพิมพ์ที่เขียนว่าใช่ไหม
      “ใช่ค่ะ หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นค่ะ”




ทุกวันนี้ยังได้มีการพูดคุยกันอยู่หรือเปล่า
      “เป้ยกับพี่เต็มก็ยังคุยกันอยู่ ตอนนี้เราเบรกความสัมพันธ์กันไปก่อน อย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนกัน (ใครขอลดสถานะแค่เพื่อน) พี่เต็มค่ะ เขาก็บอกว่าเสียใจมากที่เห็นข่าว มันค่อนข้างจะบั่นทอนจิตใจ ถามว่าอนาคตอาจจะกลับมาเป็นแฟนกันอีกได้ไหม อาจจะกลับมาได้ ในส่วนของมือที่สามไม่มีแน่นอนค่ะ อีกอย่างถ้าจะถามว่าหากพี่เต็มพิสูจน์ตัวเองได้ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าว หาตามข่าวนั้นจะกลับมารีเทิร์นไหม ตอนนี้เป้ยบอกได้เลยว่าพี่เต็มมีอนาคตแน่นอน เพราะเป้ยเห็นในสิ่งที่เขา ในอนาคตต้องว่ากันอีกที เราจบกันด้วยดี”

จะฟ้องร้องกับสื่อฉบับดังกล่าวที่พาดพิงทำให้กระทบความสัมพันธ์หรือเปล่า
      “ยังไม่ได้คุยกับพี่เต็มว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง เป้ยไม่ได้บอกว่าเขามาทำลายความรักของเรา เป้ยแค่อยากบอกสื่อฉบับนั้นฉบับเดียวว่าความยุติธรรม ความน่าเชื่อถืออยู่ตรงไหน ส่วนเรื่องการฟ้องร้องคงต้องปรึกษากันหลายๆ ฝ่ายต้องว่ากันต่อไป”

สภาพจิตใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
      “ก็ดีค่ะ ไม่เอาเรื่องพวกนี้มาบั่นทอนจิตใจเพราะว่า เราก็ยังคุยยังปรึกษากัน จะอะไรยังไง ทุกวันนี้แม้เราจะไม่ได้คบกันในฐานะคนรักแต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”

ลดสถานะนานหรือยัง
      “วันที่ 11 ก.พ. ค่ะ”

ประเด็นที่มีข่าวออกมาว่าเป้ยอาจจะกลับไปรีเทิร์นรัก อาร์
      “กับอาร์เป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะมันกลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว อาร์ก็มีแฟนของเขาอยู่แล้ว ซึ่งก็น่ารักด้วยค่ะ คอนเฟิร์มว่าไม่รีเทิร์นแน่นอนค่ะ เพราะว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว”


ดูอื่นๆจากวีดิทัศน์แนะนำความคิดเห็นแบ่งปันส่งรายการโปรดTwitterFacebook



















ผู้สื่อข่าว :วรินทร พรวีรภัส
บันทึกภาพ :วรินทร พรวีรภัส
รายงาน:ปฏิพร วาปีทะ

"วิว"สวนกลับไม่สนิท"ไมค์" แค่คนเดียว ขอบคุณยกให้เป็นคนพิเศษ




 








 

  Copy Embed 
 

"วิว วรรณรท"รับรู้จัก"ไมค์ พิรัชต์"แต่กลับพูดสวนทางฝ่ายชายว่าไม่สนิท ขอบคุณที่อีกฝ่ายยกให้เป็นคนพิเศษไม่ปิดโอกาสจีบแต่ตอนนี้ขอโฟกัสเรื่อง งาน-เรียนก่อน


วิว วรรณรท



     นางเอกสาวน่ารัก “วิว วรรณรท” ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์กับนักร้องหนุ่มมาดเกาหลี “ไมค์ พิรัชต์” ว่ายังคงสถานะแค่เพื่อน ขอบคุณที่ฝ่ายชายยกให้เป็นสาวคนสนิท แต่ที่ตนพูดกลับกันว่า ไมค์ไม่ใช่ผู้ชายที่สนิทที่สุดและก็ไม่กลัวฝ่ายชายเสียใจ รอให้ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ตอนนี้ขอตั้งหน้าตั้งตากับการเรียนและทำงานก่อน อีกอย่างแม่ก็ยังเห็นว่าเด็ก หากใครจะเข้าหาต้องให้แม่สแกนก่อน

ความสัมพันธ์กับไมค์
      “วิวเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าไม่มีอะไร เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานแล้ว เรียนแอ๊คติ้ง ในตึกเดียวกัน ฟิตเนต เจอข้างนอกบ้าง เรื่องรูป ข่าวก็ไปเดินห้างแล้วเจอกัน ความสัมพันธ์มันไม่ได้มีอะไร คือรู้สึกดี เป็นเพื่อนที่คุยได้ไม่มีเรื่องบาดหมางกัน แล้วเขาก็รู้จักกับคุณแม่ เจอก็คุยทักทายกัน”

สนิทกับไมค์ที่สุดเลยไหม
      “ที่สุดเหรอค่ะ สำหรับวิว วิวก็มีสนิทหลายคนไม่ใช่แค่คนเดียว แต่แค่ว่าคุยกันรู้เรื่อง เรื่องเพลง งาน ปรึกษาได้ วิวก็รู้จักคนเยอะเฟรนด์ลี่ อยากเป็นเพื่อน”

ไมค์บอกว่าสนิทกับวิวที่สุด
      “จริงๆเขาอาจจะไม่ได้พูดไปว่าสนิทเยอะ วิวก็ไม่รู้นะพูดแทนเขา เดี๋ยวจะหาว่ามีคนนั้นคนนี้มากมาย แต่หมายความว่าสนิทในระดับนึง ไม่ได้ที่สุด เราไม่ได้หาคำจำกัดว่ามากแค่ไหน แต่แค่คุยกันได้ดี ก็ขอบคุณในความรู้สึกที่เขาให้ ที่บอกว่าเราสนิท แสดงว่าวิวไว้วางใจได้ ปรึกษาได้ เป็นความรู้สึกดีๆ ดีกว่ามันเกลียดกัน ข้างหน้าจะเป็นยังไงวิวก็ไม่ทราบเหมือนกัน ไม่อยากพูดตอนนี้”

เขาบอกว่าเรายังไม่ตอบเซย์เยสกับเขา
      “เขาเองก็ทำงานยุ่ง คงไม่ได้ออกไปเจอใครบ่อยๆในช่วงนี้ สำหรับวิวก็ทำงาน พอไปเจอแล้วมีรูปก็กลายเป็นว่าสนิทกันหรือเปล่า จริงๆรู้จักกันมานานแล้วค่ะ ถามว่ามีโอกาสพัฒนาไหม ตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไร เรื่องงานวิวจะเอารอดหรือเปล่า”

ท่าทีไมค์จีบเราไหม
      “เขาไม่ได้เข้ามาจีบ สไตล์เขาก็ไม่ได้มาหวานใส่อะไรอยู่แล้ว ออกแนวเทคแคร์ทุกคนมากกว่า เราไม่ได้มีเวลามานั่งคุยกันว่าต่างคนต่างรู้สึกยังไง ตอนนี้ที่ป็นอย่างนี้ดีกว่า”

ความสัมพันธ์เรากับไมค์แค่เพื่อน
      “ใช่ค่ะ เราไม่ได้ปิด ดูไหมหรือกับคนอื่นๆยังไง ตอนนี้วิวขอโฟกัสงานกับเรียนก่อน คนอื่นก็คุยก็รู้จักกันไปค่ะ”

ตอนนี้เราสนิทกับใครที่สุด
      “ถามว่าใช่ไมค์ไหม ก็คงไม่ใช่ คงเป็นคุณแม่ที่เห็นไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ กับไมค์เราก็ไม่ได้คุยกันทุกเรื่อง ส่วนมากเขาจะคุยกับคุณแม่วิวมากกว่า ปรึกษาเรื่องธุรกิจ ถ้ามีความรักตอนนี้เหมือนมีภาระเข้ามา เหนื่อยหลายอย่าง”

กลัวความเจ้าชู้ของเขาหรือเปล่า
      “เขาก็มีข่าวมากมาย แต่วิวไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าเขาจะเป็นยังไง วิวรู้จักที่ตัวเขาที่เขาเป็นดีกว่า ไม่ใช่ว่าพอได้ยินข่าวมาแล้วทำให้เรารู้สึกไม่อยากคบกับเขา พอรู้จักแล้วรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีคุยได้ พูดรู้เรื่องนะ ก็โอเค”

ไมค์เข้าทางแม่หรือเปล่า
      “ถ้าคนเห็นว่าสนิทกับคุณแม่ ก็จะคิดว่าเขาเข้าทางแม่ ก็ไม่ใช่นะค่ะ อย่างคุณแม่วิวก็จะรู้ว่าใครจะเข้ามาจีบหรือจะเข้ามาคุยรู้จักแม่ คุณแม่ก็คัดสกรีนอีกทีนึง”

รู้สึกว่าไมค์จะให้เกียรติเรา เปิดตัวมากขึ้นกว่าคนอื่น
      “อันวิวก็ไม่ทราบ ก็ยังดีกว่าออกมาบอกว่าไม่รู้จักกัน ด้วยความที่เขาโตขึ้นแล้วหรือเปล่า การที่จะตอบให้มันดีขึ้น ควรจะเลือกตอบยังไงในความเป็นจริงๆ ในตอนแรกๆเขาคงยังไม่รู้ว่าควรจะเปิดมากน้อยแค่ไหน”

มีโอกาสไปไหนมาไหน 2 คนบ้างไหม
      “ไม่มีค่ะ ถามว่าจะไปได้ไหม ก็คงจะได้ถ้าเรารู้จักเป็นเพื่อน แต่มันก็คงไม่ได้ค่อยดี เราไม่ได้สนิทขนาดที่ว่าไปกัน 2 คนได้ ในความรู้สึกของคุณแม่ก็คือยังเด็กอยู่”

กลัวไมค์เสียความรู้สึกไหม ที่เราออกมาบอกว่าเขาไม่ใช่คนสนิทที่สุด
      “เขาน่าจะเข้าใจว่ามันเป็นยังไง ในการพูดเขาก็พูดให้เกียรติเรา มันอาจจะไม่ได้มีคนอื่นเข้ามา แต่วิวก็ไม่ได้ตอบปฏิเสธว่าเขารู้สึกไปเอง แค่ว่ารู้สึกดี เราไม่ได้มานั่งคุยกันว่ารู้สึกมากแค่ไหน ไม่ได้มาแนวจีบหรือคุยกันหวานๆด้วย”























ขอบคุณภาพจากกระปุก
ผู้สื่อข่าว :วรินทร พรวีรภัส
บันทึกภาพ :สมศักดิ์ หินแก้ว
รายงาน:ปฏิพร วาปีทะ